เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๑๗ มี.ค. ๒๕๕o

 

เทศน์เช้า วันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๐
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

ทำเพื่อประโยชน์ไง หัวใจนี่นะเป็นสิ่งที่มีประโยชน์มาก หัวใจนี่เป็นผู้ที่รับสุขรับทุกข์ เวลามีสุขมีทุกข์ เห็นไหม เวลาเรากำเพชรนี่ เพชรเม็ดงามๆ เลยแล้วราคาแพงด้วยไปให้เด็ก ถ้าเด็กมันไม่เข้าใจ มันก็ปกติของมันนะ แต่ถ้าใครรู้ว่าคุณค่านี้เป็นเพชรนะ จะดีใจมากเลย เพราะมันรู้คุณค่าใช่ไหมว่าเป็นเพชร แต่ถ้าไม่รู้ว่าเป็นเพชรนี่ ก็นึกว่าแก้ว นึกว่าวัตถุอันหนึ่ง มันก็เป็นปกติ

ใจก็เหมือนกัน ใจนี่ถ้ามันรู้ถึงคุณค่าของมัน มันมีคุณค่าของมันมาก ถ้าใจไม่รู้คุณค่า เราจะลืมตัวเองไง แล้วจะไปดูจากภายนอก เห็นไหม ถ้าดูภายนอก ดูสิ ปัจจัยเครื่องอาศัย คำว่าเครื่องอาศัยนะ เราเป็นทุกข์เป็นร้อนกันว่าปัจจัยเครื่องอาศัย พวกปัจจัย ๔ นี่ ต่อไปคนจะเจริญมาก แล้วจะไม่พอใช้พอสอย

แต่ในปัจจุบันนี่ว่าคำว่าพอใช้พอสอย คนเรามีกินมีใช้ เห็นไหม สิ่งที่ทางซีกโลกหนึ่ง แล้วเด็กเป็นโรคอ้วน ทางซีกโลกหนึ่ง เด็กเป็นโรคขาดอาหาร นี่มันเป็นอย่างไร ความเสมอภาคมันอยู่ที่ไหนล่ะ? ความเสมอภาคอยู่ที่ไหน?

มันอยู่ที่กรรมไง ในศาสนานี่สอนถึงเรื่องของกรรม เราเกิดในประเทศอันสมควร เกิดในพ่อแม่อันสมควร พ่อแม่เป็นสัมมาทิฏฐิ พาเราเข้าวัดเข้าวา เห็นไหม ถ้าพ่อแม่ประกอบสัมมาอาชีวะ ใช่.. ปากกัดตีนถีบ ใครก็พูดว่าปากกัดตีนถีบ ไม่มีเวลาหรอก แต่เวลาอย่างนี้ เราปากกัดตีนถีบขนาดไหน นั้นมันเป็นเรื่องของกรรม เห็นไหม เรื่องของกรรมนะ

คนทำดีมา คนทำผลประโยชน์มา มันมีโอกาส มีจังหวะของมันไป มันจะไปของมันได้ ถ้าคนไม่มีโอกาสของมัน มันก็สภาคกรรมอย่างนั้น แล้วเกิดมา เห็นไหม ชาติปิ ทุกฺขา การเกิดนี้เป็นทุกข์อย่างยิ่ง การเกิดเป็นทุกข์อย่างยิ่งแล้วปฏิเสธการเกิดได้ไหม ปฏิเสธไม่ได้เลย เพราะมันมีแรงขับเคลื่อนอยู่ แรงขับเคลื่อน จิตปฏิสนธินี่ จิตยังรอเกิดอีกมหาศาลเลย

สิ่งที่เกิดขึ้น เห็นไหม อะไรเกิดล่ะ จิตปฏิสนธิในครรภ์ของมารดา แต่ทางวิทยาศาสตร์ก็บอกนี่เกิดในไข่ ไข่กับน้ำสเปิร์มของพ่อผสมกันออกมาเป็นมนุษย์ไง แต่ถ้าเรื่องของกรรมนะ คนที่เป็นหมันก็มี คนที่เขาไม่ต้องการให้ลูกเกิดก็มี แต่จิตที่อยากจะเกิดอีกมหาศาลเลย แล้วจิตจะเกิด จิตที่ดีๆ จะไปเกิดกับใครล่ะ ก็จะไปเกิดกับพ่อแม่สัมมาทิฏฐิ เห็นไหม พ่อแม่เป็นแดนเกิด เห็นไหม ประเทศชาติเป็นแดนเกิด เกิดที่ไหน คนเราเกิดจากไหน เกิดจากกรรม

กรรมเกิดจากไหน กรรมเกิดจากการกระทำ ทำดีทำชั่วมา เห็นไหม ทำดีทำชั่วมาเพราะอะไร เพราะมันทำดีทำชั่วมา สิ่งนี้มันฝังลงที่ใจ แล้วใจมันก็เริ่มแข็งกระด้าง ใจเริ่มไม่ยอมสิ่งต่างๆ มันไม่ยอมให้สิ่งต่างๆ มันมองไปแต่ข้างนอก เห็นไหม พลังงานนี่ส่งออกไป มันก็ว่าปัจจัยเครื่องอาศัยนี้เป็นประโยชน์ทั้งหมด โลกนี้จะอยู่ได้เพราะปัจจัยเครื่องอาศัย

แต่ในแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง เห็นไหม แผ่นดินธรรม ถ้าสิ่งใดเกิดขึ้นมาในโลกนี้มีจำกัด ถ้าเราเจือจานกัน เห็นไหม โลกนี้พออยู่ได้ ถ้าแผ่นดินทอง เห็นไหม ต่างคนมือใครยาวสาวได้สาวเอา เห็นไหม เพราะอะไร เพราะสิ่งนี้เป็นปัจจัยเครื่องอาศัย เรามีสิทธิ ประชาธิปไตย ใครก็จะแสวงหา ต้องกักตุนไว้เพื่ออะไร เพื่อเราๆ

แต่ถ้าคนหัวใจเขาสูงส่งนะ ถ้าเขามีของเขา เขาเจือจานของเขา ความเจือจานของเขา ถ้าแผ่นดินธรรมก่อน แผ่นดินธรรมคือผู้ที่มีธรรม มีมากมีน้อยโลกนี้ไม่เดือดร้อน เพราะมันเจือจานกัน เอ้า..มีเท่านี้ เราเปิดหน้าตักเลย มีเท่านี้นะ ของมีเท่านี้ เราแบ่งกันเป็นธรรม แล้วอย่างนี้ใครเอาเปรียบใคร เห็นไหม แล้วมันจะมีการแก่งแย่งกันไหม? มันจะทำลายกันไหม? ไม่ทำลายกันหรอก

แต่ถ้าเราเป็นแผ่นดินทอง เห็นไหม ของเราต้องเอาไว้ก่อน ของคนอื่นเอาไว้ทีหลัง นี่มันไม่ได้หรอก มันถึงเวลาแล้วโลกเดือดร้อน โลกเดือดร้อนเพราะอะไร เพราะความมักมากของใจ ใจมันมักมาก เห็นไหม คุณธรรมของใจ นี่โลกภายนอก

ถ้ามันเป็นความเข้าใจว่ามีคุณประโยชน์อย่างนี้ มันก็ต้องเสียสละอย่างนี้ ถ้าเริ่มเสียสละอย่างนี้ ดูใจเราเข้ามา เห็นไหม ใจมันประเสริฐตรงนี้ไง ใจประเสริฐ ผู้เสียสละเป็นผู้ได้ ผู้เสียสละนะเป็นผู้ได้ ผู้รับเป็นผู้ที่ว่าต้องสนองตอบเขาเรื่องของกรรม เห็นไหม เพราะเป็นผู้รับของเขา เห็นไหม ผู้ให้ ผู้ให้ความรู้สึกของผู้ให้ ผู้รับมีความขัดสน เพื่อประโยชน์ชั่วคราวไง

แล้วถ้าเติบโตขึ้นมา เราก็จะเป็นผู้ให้เพราะอะไร เพราะชีวิตเราได้โอกาสมาเพราะอะไร เห็นไหม คุณเกิดตรงนี้ไง รู้จักกตัญญูกตเวที ถ้าเรากตัญญูกตเวที สิ่งนี้มันทำให้คนนั้นประเสริฐนะ นี่ศีลธรรม มนุษย์ต่างกับสัตว์ สัตว์ไม่มีศีลมีธรรม มันก็เหมือนสัตว์ทั่วไป แต่มนุษย์มีศีลมีธรรมในหัวใจขึ้นมา ใจมันสูงส่งขึ้นมาอย่างนี้นะ แล้วใจมันสูงส่งขึ้นมา แล้วมันมีกตัญญูกตเวทีในหัวใจ มันยิ่งยกคุณธรรม

ดอกไม้ที่มีกลิ่นหอม แล้วสวยงามด้วย ใครๆ ก็ปรารถนา ดอกไม้ที่มีกลิ่นหอม แต่ไม่สวยงามเลย เห็นไหม เขาก็ยังอยากได้อยู่ ถ้าดอกไม้กลิ่นก็เหม็น แล้วดอกก็ไม่สวยเลย ไม่มีใครต้องการเลย แล้วจิตของเรา กลิ่นของศีลหอมทวนลม กลิ่นของคุณงามความดีไง ถ้าจิตมันเป็นธรรมขึ้นมา มันเป็นคุณงามความดีของมัน เห็นไหม ใจมีคุณธรรมตรงนี้ไง

ใจนี่ประเสริฐมาก ถ้าใจประเสริฐมากแล้วจะทุกข์ยากขึ้นมา เราก็ทำความดีอยู่แล้ว มันประเสริฐตรงไหน ประเสริฐที่มันชนะตนเองไง ชนะศึกหมื่นแสนนะ เรามีคุณค่าขนาดไหนนะ เราจะชนะคนอื่นขนาดไหน ไม่มีประโยชน์หรอก เพราะมันสร้างเวรสร้างกรรม

การที่เราเบียดเบียนตัวเราเองก่อน กิเลสนี่ จิตใจนี่มันไม่ลงใคร มันไม่มีกตัญญูกตเวที มันไม่ยอมรับสิ่งต่างๆ เลย มันว่ามันมีอำนาจเหนือเขาทั้งหมด เห็นไหม มันก็คิดเหยียบย่ำตัวเอง คือคิดหาแต่ผลประโยชน์ของตัว คิดแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์กับตัว เห็นไหม ถ้าคิดแล้วถึงได้กระทำออกไป

ถ้ามันแพ้ตัวเอง มันแพ้ตรงนี้ไง ถ้ามันแพ้ตัวเอง มันแพ้หมดเลย แพ้ทั้งโลก ถ้าชนะตัวเองชนะทั้งโลก เพราะอะไร โลกคือหมู่สัตว์ โลกเขาเป็นสภาวะแบบนั้น เห็นไหม เพราะเราชนะตัวเอง สิ่งที่เขาก่อเวรก่อกรรมกันนั้น ที่การกระทำอย่างนั้น มันเป็นเวรเป็นกรรมของโลกเขา

เราเกิดมาในวัฏฏะ วัฏฏะเป็นอย่างนี้ เราเกิดมาเจอกันแบบนี้แล้วเรามากระทบกระเทือนกัน มาสมานสามัคคีกัน มาสร้างคุณประโยชน์ต่อกัน แล้วเราก็ต้องจากกันไป นี่วัฏวน วัฏฏะเป็นอย่างนี้ จิตมันเกิดอย่างนี้ จิตมันเวียนตายเวียนเกิดสภาวะแบบนี้ ถ้าเราชนะตัวเราเอง เห็นไหม เราชนะโลกทั้งหมดเลย เพราะอะไร?

เพราะจิตนี้ไม่ไปในวัฏฏะไง จิตนี้เห็นสภาวะของโลกเขาอยู่ในความเป็นจริงของเขา ความเป็นจริงนะ ความจริงในการเกิด พระอาทิตย์ขึ้นพระอาทิตย์ตกนี่มันเป็นความเป็นจริงของเขา กลางวันกลางคืนนี่เป็นความจริงของเขา แต่เพราะกิเลสตัณหาความทะยานอยากของเราเข้าไป เราถึงว่าแดดออกต้องรีบทำงาน ต้องรีบหาผลประโยชน์เข้าไป เวลาพระอาทิตย์ตกแล้ว เราจะพักผ่อน เห็นไหม เราจะต้องมีผลประโยชน์กับเรา

สิ่งที่เกิดเป็นวัฏฏะมันเป็นธรรมชาติของเขา แต่เพราะกิเลสตัณหาความทะยานอยากของจิตนี่มันไปกระตุ้นให้เราเดือดร้อนไปกับวัฏฏะ เห็นไหม ถ้าพูดอย่างนี้แล้วโลกจะไม่เจริญ เจริญนะ โลกนี้เจริญ ในศาสนาพุทธ เห็นไหม ถึงว่าเศรษฐกิจพอเพียง มัชฌิมาปฏิปทา มันเจริญมาก ถ้าพูดถึงเราเข้าใจสภาวะสัจจะความจริง เห็นไหม แต่ว่าไม่เจริญ ไม่เจริญตรงไหน ไม่เจริญเพราะเราแสวงหา อันนั้นมันเจริญโดยโลกๆ เจริญโดยการเบียดเบียนกัน แต่ถ้าเจริญโดยธรรมล่ะ ความเพียรชอบ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้บอกว่าให้งอมืองอเท้าหรอก

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เห็นไหม งานจากภายนอก มรรคหยาบๆ ทำมาหากิน ปัจจัยเครื่องอาศัยนี่หยาบมาก หยาบมากเพราะอะไร เพราะเป็นวัตถุ เห็นไหม ทั้งๆ ที่ไม่ต้องทำอะไรเลย คนเขาเจือจานกันได้ สิ่งที่เจือจานกันได้นี่มรรคหยาบๆ เห็นไหม ความเพียรหยาบๆ แล้วถ้าความเพียรของเรา ความเพียรเอาชนะตนเอง เห็นไหม นี่มันประเสริฐขนาดไหน

เวลาเราพูดกัน เห็นไหม เราเอาธรรมะมาอ้างอิงกัน ว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนให้ปล่อยวาง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนเพื่อให้จาคะกัน มันก็เป็นเรื่องโลกๆ เห็นไหม ทำเพื่อเอาหน้าเอาตากัน เป็นพิธีกรรม เป็นเรื่องของโลกๆ หมดเลย ถ้าเป็นธรรมล่ะ เป็นธรรมนะ เราทำในที่ลับที่แจ้ง ทำที่ไหนมันก็เป็นธรรม เราชนะตัวเราเอง เห็นไหม ใจมันต้องการให้เขายอมรับ ถ้าเราเอามันไว้ในอำนาจของเรา สิ่งที่เหมือนช้างสารตกมัน สิ่งที่มันดีดดิ้นที่สุดในหัวใจของเรา แล้วเราทำโดยสภาวธรรมที่ว่าเพื่อประโยชน์กับโลก ไม่ใช่ประโยชน์กับเรา เราจะไม่ให้มันได้ชื่อเสียงเกียรติศัพท์เกียรติคุณอะไรเลย เราจะไม่ให้มันยอมแผลงฤทธิ์ให้มันเหยียบย่ำเราก่อน เห็นไหม ถ้ามันเหยียบย่ำเราก่อน มันเป็นโลก พอเป็นโลก ทำเอาเป็นโลกก็ทำเอาชื่อเสียงเอาเกียรติคุณกัน

พรหมจรรย์นี้ปฏิบัติเพื่อใคร? ปฏิบัติเพื่อจะแก้เขาเหรอ? ปฏิบัติเพื่อจะให้เขายอมรับเหรอ?

ปฏิบัติเพื่อความสุขความทุกข์เรานะ ปฏิบัติเพื่อจะ.. ถ้าวัฏฏะมีเป็นธรรมชาติ จิตนี้ก็ต้องเป็นธรรมชาติ ถ้ามันเวียนไปตามธรรมชาติ มันก็เป็นผลของบุญของกรรม แต่ถ้าเหนือธรรมชาติล่ะ เหนือธรรมชาติน่ะธรรมชาติมันหมุนเวียนไป ดูสิ พายุฝนตกขึ้นมา เราหาที่ร่มหลบแดด ทำไมเราไม่หยุดอยู่กลางฝนล่ะ มันก็เป็นธรรมชาติ เราก็ต้องยอมรับธรรมชาติสิ ทำไมเราหาที่หลบฝนกัน? เราทำไมหาที่กันแดดกันฝนกัน?

นี่ก็เหมือนกัน จิตถ้ามันทำสมาธิของมันขึ้นมาได้ สมาธิมันเป็นเอกัคคตารมณ์ จิตมันตั้งมั่น มันไม่เวียนไปวัฏฏะ เห็นไหม มันก็มีบ้านมีเรือนอยู่ของมันแล้ว ถ้ามีบ้านมีเรือนอยู่ที่ไหน ที่นั่นมีบ้านมีเรือน เห็นไหม

“สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีการเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งทั้งหลายต้องดับเป็นธรรมดา”

ใครมีบ้านมีเรือน ใครมีหัวใจขึ้นมา มันก็ต้องดับไปเป็นธรรมดา มันก็ต้องบุบสลายไปเป็นธรรมดา มันก็เวียนไปในวัฏฏะเป็นธรรมดา เห็นไหม มันถึงมีมรรคญาณ มรรคอันละเอียดเข้ามา เห็นไหม บ้านเรือนมันเป็นนามธรรมทั้งหมด ทำลายทั้งหมดเลย ทำลายจิตทั้งหมด จิตพระอรหันต์มีหรือเปล่า จิตพระอรหันต์เป็นอย่างนั้น ว่างๆ เป็นอย่างนั้น สุญญตา สูญไปไหน? สูญโดยกิเลสมันจะสูญไปไหน ในเมื่อยังมีความรู้สึกอยู่ มันจะสูญไปไหนล่ะ

แต่ถ้ามันเป็นธรรม เห็นไหม พระอรหันต์ไม่มีจิต มันเป็นธรรมธาตุ ธาตุรู้ เห็นไหม ธาตุรู้ ธาตุ ๖ ธาตุ ๔ ธาตุ ๖ ธาตุ ๔ ดิน น้ำ ลม ไฟนี่เข้าใจกันหมดแล้ว อากาศธาตุคือสุญญากาศ คือโพรงในกระดูก ธาตุรู้เห็นไหม ถ้ามีธาตุรู้ ถ้าที่ไหนมีธาตุรู้เป็นภวาสวะ ที่ไหนมีธาตุรู้เป็นจุดเริ่มต้นของความคิด นี่คือจุดของจักรวาล

โลกนี้มีเพราะมีเรา สรรพสิ่งมีเพราะมีเรา ถ้าจิตมันมี มันต้องเป็นสภาวะหมด มันทำลายหมดนะ มันเหนือธรรมชาติตรงนี้ไง ถ้าเหนือธรรมชาติ เหนือธรรมชาติเหนือธรรมทั้งหมด ธรรมเหนือโลก ถ้ายังเป็นธรรมชาติอยู่ ธรรมในโลก หมุนไปตามโลกเขา โลกสภาวะอย่างไรมันก็หมุนไปตามโลกเขา มันสภาวะแบบนั้น

ปัญญาอย่างนี้มันจะย้อนกลับเข้ามา กลับเข้ามาทำลายตัวจิต เห็นไหม วัฏฏะก็เป็นวัฏฏะ จิตก็เป็นจิต แยกออกจากกันโดยธรรมชาติของเขา โดยสัจธรรมนะ ไม่มีใครไปเสริมแต่งให้ อกาลิโก ไม่มีกาล ไม่มีเวลา มันไม่เกี่ยวเนื่องกับเวลาใดๆ ทั้งสิ้น สิ่งสัจจะความจริงมันเป็นในหัวใจขึ้นมาอย่างนี้ มันต้องเป็นขึ้นมา มันเป็นปัจจัตตัง เป็นธรรมะส่วนตน

แต่ธรรมะสาธารณะที่เราศึกษากันนี้ เห็นไหม ธรรมะสาธารณะ สิ่งที่เป็นสาธารณะทุกคนมีสิทธิ เห็นไหม สิทธิมันเป็นของใครล่ะ ธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เห็นไหม สภาวธรรมมีอยู่แล้ว องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปตรัสรู้ขึ้นมา ธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะปรินิพพานนะ

“อานนท์ เราไม่ได้เอาธรรมของใครไปเลย” พระอานนท์พยายามจะนิมนต์ให้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีชีวิตต่อไปเพื่อจะสั่งสอน เห็นไหม

“อานนท์ เราไม่ได้เอาสมบัติของใครไปนะ” ธรรมที่เป็นธรรมชาติ สัจจะความจริง เห็นไหม

น้ำมันดิบอยู่ในโลกนี่ไม่มีใครรู้จักมัน ก็ไม่เอาขึ้นมาใช้ พอรู้จักว่ามีคุณค่าขึ้นมาก็ไปดูดมันเอามาใช้ เห็นไหม นี่ก็เหมือนกัน ธรรมมันมีอยู่แล้ว เห็นไหม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปพิสูจน์ ไปตรวจสอบจนเป็นธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แก้กิเลสองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไว้แล้ว เห็นไหม ทฤษฎีนี้วางไว้แล้ว นี่ธรรมสาธารณะ แล้วของเรา ทุกคนต้องแสวงหาเอง เห็นไหม บ่อน้ำมันดิบอยู่ในหัวใจของเรา เราเจาะได้ไหม เราจะเอาน้ำมันดิบขึ้นมาใช้ได้ไหม ถ้าใช้ได้มันก็มีศีล สมาธิ ปัญญา มันเป็นมรรคญาณ ถ้าน้ำมันดิบขึ้นมาก็ใช้เป็นประโยชน์กับโลกเขา เป็นประโยชน์กับสิ่งต่างๆ เห็นไหม มันเป็นพลังงาน

นี่ก็เหมือนกัน เวลามรรคมันเกิดขึ้นมา มันพลังงานของเรา ถ้าพลังงานของเราเกิดขึ้นมา มันเป็นธรรมของเรา เห็นไหม ถ้าธรรมของเรา สัจจะที่เกิดขึ้น สมาธิเกิดขึ้น สติเกิดขึ้น ไม่ใช่ว่างๆๆๆ ประสาเขาหรอก สุญญตา สูญโดยกิเลสมันจะสวมเขา สูญโดยธรรม เห็นไหม ถ้ามันเป็นธรรมขึ้นมา ธรรมมันเข้ามาทำลายกิเลสของเรา

สิ่งที่เกิดขึ้นมานี่เป็นธรรมส่วนบุคคล ธรรมที่เกิดจากเรา ธรรมเกิดจากเราเพราะเกิดขึ้นจากไหนล่ะ เกิดจากการเสียสละ เกิดจากการจำกัดพื้นที่ เกิดจากการขุดค้น แสวงหา ถ้าเกิดจากการสูญโดยกิเลส มันเริ่มต้นมันไม่ทำอะไรเลย มันนอนจมอยู่นั่นนะ มันบอกว่างๆ ว่างๆ เห็นไหม แต่ถ้าเป็นสัจธรรมความจริง มันต้องมีการแสวงหา ดูสิ เขาหาน้ำมันกัน เขาหาแร่ธาตุกัน เขาต้องขุด เขาต้องเจาะ เขาต้องแสวงหา มันถึงเป็นประโยชน์ของเขา

การประพฤติปฏิบัติ ศีล สมาธิ ปัญญา เกิดจากกิจจญาณ สัจจญาณเกิดขึ้นมาแล้วทำลายกิเลสอันนั้นแล้ว มันถึงจะเป็นผลงานของเรา มันถึงเป็นสัจจะความจริงของเรา ชีวิตนี้มันเป็นอย่างนี้ไง แล้วชีวิตสัจจะความจริงอย่างนี้ กิจจญาณเกิดจากจิตอย่างนี้ แล้วครูบาอาจารย์สอนมาอย่างนี้ แล้วเราทำอย่างนี้ นี่ถึงกราบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมขึ้นมาเพราะมีการกระทำในหัวใจ เห็นไหม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกปัญจวัคคีย์

“เธอเคยได้ยินไหม เราเคยปฏิญาณตนว่าเราเป็นพระอรหันต์ อยู่กันมา ๖ ปีไม่เคยพูดเลย ในปัจจุบันนี้เราเป็นพระอรหันต์เพราะ! เพราะมันมีกิจจญาณ สัจจญาณ มันเกิดจากในหัวใจของเรา เราได้กำจัดกิเลสสิ้นแล้วจากกิเลสของเรา จงเงี่ยหูลงฟังธรรม!” พระปัญจวัคคีย์ถึงเงี่ยหูลงฟังธรรม

ฟังธรรม.. ฟังธรรมคือฟังทฤษฎี ฟังธรรมคือการชี้นำ แล้วย้อนกลับเข้าไปทำลายกิเลส เห็นไหม สิ่งนี้เกิดขึ้นมาจากหัวใจ เห็นไหม มันถึงว่าเป็นอกาลิโก เป็นสิ่งต่างๆ ถ้ามีความรู้สึกอยู่ เป็นความทุกข์อยู่ เห็นไหม หัวใจที่มันแข็งกระด้าง มันจะปฏิเสธไปหมด แล้วสวมเขา เอาธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสวมไปที่ใจว่าเป็นธรรมของเราๆ มันเป็นสัญญาทั้งนั้น มันเป็นสิ่งที่แอบอ้างมาโดยกิเลส แล้วกิเลสมันทำให้ใจเห็นสภาวะแบบนั้น

แต่ถ้าสัจจะความจริงขึ้นมานะ ไม่เป็นแบบนั้น! ไม่เป็นแบบนั้น! มันจะเป็นสันทิฏฐิโกในหัวใจ รู้จำเพาะตน รู้ในใจดวงนั้นจำเพาะตน ใจดวงนั้นจะออกมาให้ใครเห็นไม่ได้ แต่สามารถสื่อความหมายได้ สามารถเป็นผู้ชี้นำได้ ดวงตาของโลกคือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะปรินิพพาน พระอานนท์เสียอกเสียใจมาก

“ดวงตาของโลกดับแล้ว”

เพราะอะไร? โลกมืดบอด แล้วสัจธรรมความจริงนี่เหมือนพระอาทิตย์ตก เห็นไหม ตกไปแล้ว พระอาทิตย์เป็นธรรมชาติ แต่อันนี้มันเป็นกระแสวัฏฏะ มันเป็นเรื่องของกรรม เราเกิดขึ้นมาเจอสิ่งประเสริฐอย่างนี้ เราจะเห็นคุณค่าของชีวิตไง

ถ้าชีวิตเป็นอย่างนี้ มันลงธรรม ลงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ลงนะ ถ้าจิตมันลง จะเห็นคุณค่า ถ้ามันแข็งกระด้างมันไม่ลง มันว่ามันเก่ง มันว่ามันแน่ แต่ถ้ามันลง มันยอมรับหมด ยอมรับสัจจะความจริง แล้วพิสูจน์ได้จากหัวใจของเรา พิสูจน์ได้จากการกระทำของเรา แล้วจะกราบพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ด้วยหัวใจ เอวัง